หากถามว่ามี เงินทุน สักก้อนจะเลือกลงทุนอะไรดีระหว่างคอนโด กับ หุ้น หลายคนเคยลงทุนในหุ้นแล้วพบว่าราคาหุ้นผันผวนมาก มีทั้งหุ้นปั่น หุ้นเจ้ามือ ข่าวปล่อย ข่าวลือ ทำให้คนส่วนใหญ่ขาดทุน คนส่วนน้อยกำไร หลายคนจึงหันมาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะ “คอนโด”ที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยของคนเมืองซึ่งมักจะตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้า และสถานที่ทำงาน ทำให้ราคาในอนาคตมีทิศทางที่สูงขึ้น และการลงทุนกับคอนโดถือเป็น Passive Income ที่มีข้อดีหลายอย่างซ่อนอยู่ ปัจจุบันก็มีคอร์สมากมายที่ดึงให้คนสนใจได้มาเรียนรู้การจับเสือมือเปล่า มีรายได้แบบไม่ต้องใช้เงินทุนตัวเอง แน่นอนว่าทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง แต่หากเราศึกษาวิธีการลงทุนเป็นอย่างดีและไม่ประมาทในเส้นทางลงทุนก็เชื่อว่าการลงทุนกับคอนโดน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการ โดยการการลงทุนคอนโด”มีทั้งแบบเก็งกำไรเพื่อขายใบจองหรือขายดาวน์ และแบบลงทุนระยะยาวเพื่อปล่อยเช่าหรือขายต่อในอนาคต ซึ่งข้อดีของการลงทุนกับคอนโดก็มีดังนี้
1.กู้เงินธนาคารง่าย
ผู้ที่มีสินทรัพย์เป็นคอนโดหรืออสังหาริมทรัพย์ด้านที่อยู่อาศัยสามารถขยายการลงทุนได้สูงสุดถึง 70 เท่าของรายได้ต่อเดือน ด้วยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ถูกกว่าและระยะเวลากู้ที่ยาวนานกว่าการกู้เงินไปลงทุนอย่างอื่น ยกตัวอย่างเช่น เงินเดือนประจำ 100,000 บาทไม่มีหนี้อย่างอื่น อายุ 30 ปี สามารถขอกู้วงเงินประมาณ 7 ล้านบาท ผ่อนเดือนละประมาณ 40,000 บาทต่อเดือนภายในเวลา 30 ปี ซึ่งในความเป็นจริงสามารถโปะชำระเงินเกินยอดผ่อนได้และยื่นขอรีไฟแนนซ์เพื่อให้ได้อัตราดอกเบี้ยถูกในทุกๆ 3 ปี ทำให้ผ่อนจริงไม่ถึง 30 ปีด้วยซ้ำไป
2.ราคาตลาดไม่ผันผวนเหมือนเล่นหุ้น
อสังหาริมทรัพย์ไม่ได้มีราคาวิ่งเหมือนหุ้นทำให้จิตใจมั่นคงถือได้นานตามที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกที่ตัดสินใจซื้อลงทุน ซึ่งโดยส่วนใหญ่การลงทุนระยะยาวให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่าการลงทุนระยะสั้น ประกอบกับทิศทางราคาคอนโดมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปีหากไม่เจอกับวิกฤติเศรษฐกิจ แม้กระทั่งในปัจจุบันเกิดภาวะคอนโดล้นตลาดแต่ราคาก็ยังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งในสังคมที่การแข่งขันสูง ที่ดินมีราคาแพง การเลือกซื้อหรือเช่าคอนโด ที่เป็นหนึ่งในปัจจัยสี่เรื่องที่พักอาศัยทำให้ราคาของคอนโดไม่ค่อยตกลงเท่าใดนักไม่ว่าจะยุคไหนสมัยใดก็ตาม
3.ใช้สร้างรายได้โดยไม่ต้องมีวิธียุ่งยาก
โดยทั่วไปคอนโดหนึ่งแห่งที่เข้าไปลงทุนปล่อยเช่าใช้เวลาไม่กี่วันต่อปีก็มีเงินค่าเช่าโอนเข้ามาในบัญชีทุกเดือน โดยปีแรกที่ลงทุนใช้เวลาประมาณ 7-10 วันต่อปีกับการศึกษาความน่าลงทุน ทำสัญญากับโครงการ ชำระเงินโอนกรรมสิทธิ์ ตกแต่งห้อง ประกาศหาผู้เช่า และทำสัญญาเช่า ส่วนปีหลังๆใช้เวลาประมาณ 3-5 วันต่อปีกับการทำความสะอาดห้องเช่า ประกาศหาผู้เช่ารายใหม่ และทำสัญญาเช่า
4.โอกาสในการซื้อที่แปรผันไปตามเหตุการณ์
ถ้าเทียบกับหุ้นแล้วราคาการซื้อคอนโดนั้นแตกต่างมาก หุ้นแต่ละบริษัทมีราคาที่ชัดเจนและเป็นเรตเดียวกันในแต่ละช่วงเวลาแต่กับคอนโดนั้นไม่ใช่ การพิจารณาว่าจะซื้อคอนโดได้ในราคาที่ถูกหรือแพง ขึ้นอยู่กับโครงการที่ก่อสร้าง ลักษณะของห้อง ถือเป็นราคาตลาดที่ประเมินได้ยากไม่ตายตัว แต่นักลงทุนก็มีโอกาสซื้อของถูกในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดมากจากผู้ขายที่ไม่รู้ราคาตลาด จากผู้ขายที่ร้อนเงิน หรือจากผู้ขายที่กู้ไม่ผ่าน เป็นต้น
5.หุ้นใช้อยู่อาศัยไม่ได้ แต่คอนโดใช้อาศัยอยู่ได้
แม้เราจะมีหุ้นในมือมากแค่ไหน แต่ก็เป็นแค่ตราสารเงินตราที่ยังใช้ไม่ได้จนกว่าจะแปรเปลี่ยนเป็นเงินหรือสินค้าแต่กับคอนโดนั้นแตกต่าง หากไม่มีใครเช่าหรือยังขายไม่ได้ ในฐานะเจ้าของเราก็สามารถใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้ในบางโอกาส และยังถือเป็นความภูมิใจในการครอบครองสินทรัพย์ที่ถือเป็นมรดกไปถึงลูกหลานได้ ในกรณีที่ผู้ลงทุนไม่ได้มีความเดือดร้อนเรื่องเงินการมีคอนโดก็ไม่จำเป็นต้องรีบปล่อยเช่าหรือขาย สามารถกักไว้จนกว่าจะได้ราคาที่ตัวเองพอใจได้ อย่างไรก็ตามคอนโดก็เหมือนอสังหาริมทรัพย์อื่นๆคือสภาพคล่องน้อย ขายไม่ได้ง่ายดั่งใจคิด และด้วยเงินลงทุนเป็นหลักล้านแม้ว่าเงินส่วนใหญ่จะได้มาจากการกู้ธนาคารก็ตาม การลงทุนยังต้องใช้ความระมัดระวังสูง ผิดพลาดมาอาจบางเจ็บทางการเงินได้ หากคิดสร้างรายได้ด้วยวิธีนี้ก็ต้องคิดหน้าคิดหลัง ศึกษาวิธีการให้ดี อย่าใจร้อน อย่าเชื่อใจคนอื่นเกินไป การลงทุนคือความเสี่ยง ต้องท่องจำคำนี้ไว้ให้ขึ้นใจด้วย
CR :See more at: http://www.thaismescenter.com/5-เรื่องควรรู้ลงทุนกับคอนโดดีกว่าการเล่นหุ้น/
Comments